"สรงน้ำพระวันสงกรานต์"
ประเพณีไทยที่เต็มไปด้วยความหมายและความเป็นสิริมงคล

วันสงกรานต์ เป็นเทศกาลปีใหม่ไทยที่จัดขึ้นในช่วงวันที่ 13-15 เมษายนของทุกปี ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข การรวมตัวของครอบครัว และการทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคล หนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญของเทศกาลนี้คือ การสรงน้ำพระ ซึ่งเป็นพิธีกรรมทางศาสนาที่สะท้อนถึงความเคารพและความกตัญญูต่อพระพุทธศาสนา

ความหมายของการสรงน้ำพระ
การสรงน้ำพระ คือการนำน้ำสะอาดที่ผสมน้ำอบ น้ำหอม ดอกไม้มารดลงบนพระพุทธรูปหรือพระสงฆ์ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพและขอพรให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว พิธีกรรมนี้มีความเชื่อว่าเป็นการชำระล้างสิ่งไม่ดีออกไป และเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์
วิธีการสรงน้ำพระที่ถูกต้อง
1.เตรียมน้ำสำหรับสรงน้ำ
ใช้น้ำสะอาดผสมกับน้ำอบไทย หรืออาจใส่ดอกไม้ เช่น ดอกมะลิ ดอกกุหลาบ เพื่อเพิ่มความหอมและเป็นสิริมงคล
2.เลือกพระพุทธรูปที่ต้องการสรงน้ำ
สามารถเป็นพระพุทธรูปภายในบ้าน หรือไปสรงน้ำพระที่วัดก็ได้
3.ทำการสรงน้ำด้วยความเคารพ
ใช้มือขวาตักน้ำและรดเบา ๆ บริเวณพระหัตถ์ของพระพุทธรูป
หากสรงน้ำพระสงฆ์ ควรให้ท่านใช้ผ้าอังสะ (ผ้าคลุมไหล่) รับน้ำแทนการรดลงบนร่างกายโดยตรง
4.กล่าวคำอธิษฐานขอพร
ตั้งจิตให้สงบ กล่าวคำอธิษฐานเพื่อขอพรให้ชีวิตพบแต่ความสุข ความเจริญ และขอให้สิ่งไม่ดีหมดไป
ความเชื่อและสิริมงคลของการสรงน้ำพระ
เชื่อว่าเป็นการเสริมบุญ เสริมบารมี ให้ชีวิตพบแต่ความรุ่งเรือง
เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ด้วยความบริสุทธิ์ ทั้งกายและใจ
ส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว เพราะมักมีการรวมตัวกันทำบุญในวันสงกรานต์
ถือเป็นโอกาสดีในการระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าและนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน
บทสวดสำหรับการสรงน้ำพระ
หากต้องการเพิ่มความเป็นมงคลมากขึ้น สามารถกล่าวคำบูชาพระพุทธเจ้า ก่อนการสรงน้ำพระดังนี้:
บทสวด: "นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ" (กล่าว 3 จบ)
จากนั้นอธิษฐานขอพรตามที่ตั้งใจไว้
การสรงน้ำพระในวันสงกรานต์เป็นประเพณีที่เต็มไปด้วยความหมายทางศาสนาและวัฒนธรรม นอกจากเป็นการสืบสานวัฒนธรรมไทยแล้ว ยังช่วยให้ผู้ที่ปฏิบัติเกิดความสงบทางจิตใจ และได้รับพรให้มีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต ดังนั้น ในวันสงกรานต์ปีนี้ อย่าลืมเข้าวัดทำบุญ และสรงน้ำพระเพื่อเสริมสิริมงคลให้กับตนเองและครอบครัว